Audio/อัน-ซาบูร์
 
 
 
 
 
 
 
 
 

ท่านอีซา, ทำไมท่านพิเศษในอัล-กุรอานและอินญีล

  ในอดีต นัศรอนีย์กับมุสลิมได้โต้แย้งกันในการคุยเรื่องท่านอีซา ทั้งสองฝ่ายได้ศรัทธาในท่านอีซาต่างกัน เขาไม่ได้สนใจคำกล่าวอ้างต่าง ๆ สำหรับลักษณะและชีวิตของท่านอีซาในอัลกุรอานและคัมภีร์อินญีล ซึ่งพูดถึงเรื่องเดียวกัน

ในปัจจุบัน เราขอบคุณที่มุสลิมกับนัศรอนีย์หลายคนค้นหาและศึกษาข้อความต่าง ๆ ในคัมภีร์ของเขา แล้วเข้าใจว่า มีคำสอนหลายอายะฮ์ที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้ เขาเริ่มคุยและศึกษาจากคำสอนในอัลกุรอานและคัมภีร์อินญีลที่มีคำกล่าวเรื่องเดียวกันสำหรับท่านอีซา ถึงแม้ว่ายังมีหลายมุมมองที่ไม่เห็นด้วยกันในการอธิบายอายะฮ์เหล่านี้ แต่หลาย ๆ คนยังเชื่อว่า คำกล่าวอ้างต่าง ๆ สำหรับท่านอีซาในอัลกุรอานและคัมภีร์อินญีลนั้นจะได้เป็นจุดเริ่มต้นในการศึกษาว่า ท่านอีซาเป็นใคร

เราจะเริ่มด้วยอายะฮ์ต่าง ๆ ที่พูดถึงเรื่องเดียวกันสำหรับท่านอีซาอย่างชัดเจนในอัลกุรอานและคัมภีร์อินญีล เราจะเริ่มกับคำกล่าวอ้างของอัลกุรอานและคัมภีร์อินญีล เพราะมุสลิมและนัศรอนีย์คงยอมรับว่า คำกล่าวอ้างในคัมภีร์ของเขานั้น เป็นความจริงอย่างแน่นอน เขาถือว่า คัมภีร์ของเขานั้นมาจากพระเจ้าโดยตรง เนื่องจากปรัชญาที่มนุษย์พัฒนามา ผู้คนส่วนใหญ่ไม่เชื่ออายะฮ์ต่าง ๆ ที่พูดถึงความเป็นพิเศษในชีวิตและคุณลักษณะของท่านอีซา เขาพยายามให้ท่านอีซาเป็นคนธรรมดาเหมือนทั่วไป เขาปฏิเสธคุณลักษณะพิเศษของท่านอีซาในการเกิดและความตาย แต่พวกที่ศรัทธาในคัมภีร์อัลกุรอานและคัมภีร์อินญีลนั้น ยังเชื่อในความเป็นคุณลักษณะพิเศษของท่านอีซาตามคำกล่าวอ้างในคัมภีร์ของเขา เพราะฉะนั้นเราจะเริ่มคุยด้วย 4 ประการเกี่ยวข้องกับท่านอีซาที่ได้ถูกบันทึกในทั้งอัลกุรอานและคัมภีร์อินญีล ที่จะได้เข้าใจว่า ท่านอีซาเป็นใคร

  1. คำกล่าวอ้างสำหรับท่านอีซาในอัลกุรอานและคัมภีร์อินญีล

•  การเกิดโดยไม่มีพ่อ

เรื่องนี้เป็นคำสอนอย่างหนึ่งที่พูดถึงชัดเจนสำหรับท่านอีซาในอัลกุรอานและคัมภีร์อินญีล ผู้ใดศรัทธาในคัมภีร์เหล่านี้ต้องยอมรับประการนี้ อัลกุรอานได้กล่าวถึงเรื่องนี้ในหลายโองการ คำกล่าวอ้างจากซูเราะฮฺ มัรยัมก็เป็นอายะฮฺหนึ่งที่กล่าวไว้ชัดเจน

 และจงกล่าวถึง ( เรื่องของ ) มัรยัมที่อยู่ในคัมภีร์ เมื่อนางได้ปลีกตัวออกจากหมู่ญาติของนาง ไปยังมุมหนึ่งทางตะวันออก ( ของบัยตุลมักดิส ) แล้วนางได้ใช้ม่านกั้นให้ห่างพ้นจากพวกเขาแล้ว เราได้ส่งวิญญาณของเรา ( ญิบรีล ) ไปยังนางแล้ว เขาได้จำแลงตนแก่นาง ให้เป็นชายอย่างสมบูรณ์ นางกล่าวว่า “ แท้จริงฉันขอความคุ้มครองต่อพระผู้ทรงกรุณาปรานีให้พ้นจากท่าน หากท่านเป็นผู้ยำเกรง เขา ( ญิบรีล ) กล่าวว่า “ แท้จริงฉันเป็นเพียงทูตแห่งพระเจ้าของเธอ เพื่อฉันจะให้ลูกชายผู้บริสุทธิ์แก่เธอ นางกล่าวว่า “ ฉันจะมีลูกได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่ไม่มีชายใดมาแตะต้องฉันเลย และฉันก็มิได้เป็นหญิงชั่ว เขา ( ญิบรีล ) กล่าวว่า “ กระนั้นก็เถิด พระเจ้าของเธอตรัสว่า มันง่ายสำหรับข้า และเพื่อเราจะทำให้เขาเป็นสัญญาณหนึ่งสำหรับมนุษย์และเป็นความเมตตาจากเรา และนั่นเป็นกิจการที่ถูกกำหนดไว้แล้ว แล้วนางได้ตั้งครรภ์ และนางได้ปลีกตัวออกไปพร้อมกับบุตรในครรภ์ ยังสถานที่ไกลแห่งหนึ่ง (ซูเราะฮฺ มัรยัม 16-22)

  ถ้านางมัรยัมตั้งครรภ์โดยผู้ชาย ทำไมญิบรีลได้ปรากฏแก่นางที่จะประกาศ ว่า เธอจะตั้งครรภ์ เป้าหมายที่ญิบรีลได้ปรากฏแก่นาง คือญิบรีลจะบอกร่วงหน้ากัับนางเพื่อไม่ให้ตกใจกับการตั้งครรภ์ของนางมันเกิดขึ้นกับนางเพื่อจะทำให้เด็กคนนั้นเป็นสัญญาณหนึ่งสำหรับมนุษย์และเป็นความเมตตาจากอัลลอฮฺ เพราะมันเป็นสัญญาณพิเศษอัลลอฮฺได้ทรงใช้วิธีพิเศษ หลักฐานอีกอายะฮ์หนึ่งที่นางมัรยัมได้ตั้งครรภ์โดยไม่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย คือคำพูดที่นางมัรยัมพูดที่ว่า “ ฉันจะมีลูกได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่ไม่มีชายใดมาแตะต้องฉันเลย และฉันก็มิได้เป็นหญิงชั่ว ”

ไม่น่าสงสัยในเรื่องนี้ คำกล่าวอ้างสำหรับการตั้งครรภ์ของนางมัรยัมในอัลกุรอานชัดเจน แล้วอีกหลายอายะฮฺยังยื่นยันเรื่องเดียวกัน เช่น ซูเราะฮฺ อัน-นิซาอฺ (อายะฮฺที่ 156)เป็นอายะฮฺหนึ่งที่ยืนยันเรื่องนี้ว่า “ และเนื่องจากการที่พวกเขาปฏิเสธศรัทธา และกล่าวให้ร้ายแก่มัรยัม ซึ่งความเท็จอันใหญ่หลวง ” อันนี้เป็นหลักฐานต่อการฟ้องของยะฮูดี ซึ่งมัรยัมได้ตั้งครรภ์ท่านอีซาโดยวิธีที่ไม่ถูกต้อง อายะฮฺในซูเราะฮฺ อัลอัมบิยาอฺ(อายะฮฺที่ 91)เป็นหลักฐานอีกอายะฮ์หนึ่ง “ และจงรำลึกถึงสตรีที่รักษาความบริสุทธิ์ของนางเอาไว้ แล้วเราได้เป่าวิญญาณของเราเข้าไปในนาง และเราได้ทำให้นางและบุตรของนางเป็นสัญญาณหนึ่งแก่มวลมนุษย์ ” อายะฮ์นี้ในอัลกุรอ่านบอกชัดเจนว่า มัรยัมเป็นสตรีที่บริสุทธิ์และพระเจ้าทรงให้เขาตั้งครรภ์โดยวิญญาณของพระเจ้า

ถ้าเราพิจารณาชื่อของท่านอีซาที่ปรากฏในอัลกุรอาน เราจะรู้ได้อย่างชัดเจนว่า มัรยัมตั้งครรภ์ท่านอีซาโดยไม่มีพ่อ – ชื่อว่า “ บุตรของมัรยัม ” ตามวัฒนธรรมของซะมิททิค ( Semitic: ชนชาติในแถบภาคตะวันออกกาลาง) ผู้ชายต้องถูกเรียกด้วยชื่อของพ่อ เช่น มุฮ้มหมัด บิน-อับดุลาฮฺ , จายด์ อิบนุ-ซาเบต์ เป็นต้น ไม่มีผู้ชายนอกจากท่านอีซาที่ถูกเรียกตามชื่อแม่ ถ้าอย่างนั้น ทำไมท่านอีซาเท่านั้นถูกเรียกตามชื่อของแม่ ( “ บุตรของนางมัรยัม ” )ในคัมภีร์อัลกุรอาน? ในอัลกุรอ่านพระเจ้าทรงเรียกท่านอีซาตามชื่อนี้บ่อยครั้งนั้น เป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่า นางมัรยัมตั้งครรภ์โดยวิญญาณของอัลลอฮฺ ชื่อของผู้หญิงไม่เคยปรากฏในอัลกุรอาน แต่ชื่อนางมัรยัม ซึ่งเป็นแม่ของท่านอีซานั้นออกมาหลายครั้ง เพราะว่า นางเป็นคนพิเศษในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ จึงตั้งครรภ์โดยไม่มีพ่อ การเรียกท่านอีซาตามชื่อนางมัรยัมในอัลกุรอานนั้นก็เป็นหลักฐาน เราต้องยอมรับที่ท่านอีซาได้เกิดมาจากพระเจ้าโดยตรง ก็เลยไม่มีชื่อพ่อที่เรียกตาม

คนที่มีปัญญาไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า คัมภีร์อินญีลยืนยันที่ท่านอีซาเกิดมาโดยไม่มีพ่อ ตั้งแต่สมัยแรกกลุ่มที่ติดตามท่านอีซาถือความศรัทธานี้มา อายะฮ์ในคัมภีร์อินญีลดังต่อไปนี้ก็เป็นหลักฐานชัดเจน

  พอเอลีซาเบธตั้งครรภ์ได้หกเดือน อัลลอฮฺทรงส่งมลาอิกะฮฺญิบรอฮีลไปเมืองนาซาเร็ธ แค้วนกาลิลี มลาอิกะฮฺมีข่าวจะแจ้งให้หญิงสาวคนหนึ่งทราบ หญิงสาวพรหมจารีคนนี้ชื่อมัรยัมหมั้นกันไว้กับชายผุ้หนึ่งชื่อยูสุฟเป็นเชื้อพระองค์กษัตริย์ดาวูด มลาอิกะฮฺมาหานางแจ้งว่า “ จงอยู่เป็นสุขเถิด พระผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่กับท่านแล้วและทรงโปรดปรานท่านยิ่งนัก ” ถ้อยคำของมลาอิกะฮฺทำให้มัรยัมรู้สึกฉงนเป็นอย่างยิ่ง นางแปลกใจว่า ที่มลาอิกะฮฺกล่าวนั้น หมายถึงอะไร มลาอิกะฮฺชี้แจงแก่นางว่า “ อย่ากลัวไปเลยมัรยัม อัลลอฮฺทรงเมตตาท่านแล้ว ท่านจะตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชาย จึงตั้งชื่อบุตรนั้นว่าอีซา ” (อินญีล ลูกา 1.26-31)

  ในตอนข้างบน นางมัรยัมซึ่งเป็นมารดาของท่านอีซาได้ถูกเรียก 2 ครั้งว่า หญิงสาว (หรือพรหมจารี) เมื่อนางตอบแก่มลาอิกะฮฺในอายะฮฺ 24 นางมัรยัมก็บอกว่า นางเป็นหญิงสาวพรหมจารี “ ข้าพเจ้าเป็นสาวพรหมจารีย์ จะเป็นดังที่ท่านพูดได้อย่างไร? ” (อินญีล ลูกา 1.34). มลาอิกะฮฺก็อธิบายนางว่า มันจะเกิดขึ้นได้ไม่ใช่ตามวิธีแบบมนุษย์ แต่โดยฤทธานุภาพที่มาจากวิญญาณของอัลลอฮฺ นอกจากตอนนี้ที่เราได้อ่านมา ในอินญีลอีกหลายอายะฮ์พูดถึงเรื่องนี้เช่นเดียวกัน

  เรื่องราวอีซา อัล-มะซีฮฺกำเนิดมีดังนี้ มัรยัมมารดาของท่านหมั้นอยู่กับยูสุฟ แต่ก่อนที่คนทั้งสองจะแต่งงานอยู่กินด้วยกัน มัรยัมก็ทราบว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์บันดาลให้นางตั้งครรภ์ ยูสุฟคู่หมั้นของนางเป็นคนดี ไม่อยากให้มัรยัมต้องอับอายขายหน้า จึงคิดจะถอนหมั้นอย่างเงียบ ๆ ขณะที่ยูสุฟกำลังคิดถึงเรื่องนี้อยู่ มลาอิกะฮฺของพระผู้เป็นเจ้ามาเข้าฝันยูสุฟพูดว่า “ ยูสุฟเชื้อสายของกษัตริย์ดาวูด อย่าวิตกถึงเรื่องรับมัรยัมมาเป็นภรรยาของเจ้าเลย ที่มัรยัมตั้งครรภ์นั้นก็เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงบันดาลให้เป็นไป นางจะให้กำเนิดบุตรชาย เจ้าจงตั้งชื่อบุตรนั้นว่าอีซา เพราะท่านผู้นั้นจะช่วยประชากรของท่านให้รอดพ้นจากบาป ” (อินญีล มัทธิว 1.18-21)

  อายะฮ์เหล่านี้ยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า การตั้งครรภ์ของมัรยัมนั้นเกิดขึ้นได้เพราะฤทธิ์อำนาจมาจากวิญญาณของอัลลอฮฺ เช่นเดียวกันกับคำยืนยันของอัลกุรอาน มลาอิกะฮฺมาแจ้งว่า มัรยัมจะตั้งครรภ์โดยฤทธานุภาพของอัลลอฮฺ ถ้านางมัรยัมตั้งครรภ์ตามแบบมนุษย์ธรรมดา ทำไมมลาอิกะฮฺมาแจ้งว่า ท่านอีซาจะเกิดโดยฤทธิ์อำนาจของอัลลอฮฺ? คำกล่าวอ้างในคัมภีร์ทั้งสอง (คัมภีร์อินญีลและอัลกุรอาน)เป็นหลักฐานชัดเจน ซึ่งท่านอีซาเกิดมาโดยไม่มีพ่อ โดยฤทธานุภาพของอัลลอฮฺ มลาอิกะฮฺพูดกับทั้งมัรยัมและยูสุฟชัดเจนว่า การที่มัรยัมตั้งครรภ์นั้น เกิดโดยฤทธิ์อำนาจของอัลลอฮฺ

เพราะฉะนั้น มุสลิมกับนัศรอนีย์มีความศรัทธาเดียวกันในเรื่องที่ท่านอีซาได้เกิดมาโดยไม่มีพ่อ โดยฤทธานุภาพที่มาจากวิญญาณของอัลลอฮฺ คัมภีร์ทั้งสองยืนยันว่า อัลลอฮฺคงมีแผนการพิเศษต่อท่านอีซา ที่ท่านอีซาเกิดมาโดยฤทธิ์อำนาจของอัลลอฮฺ คือเป็นสัญญาณพิเศษแก่มนุษย์

  •  ความบริสุทธิ์ของท่านอีซา อัล-มาซีห์

การพิสูจน์ที่ท่านอีซาเป็นผู้บริสุทธิ์ในคัมภีร์ทั้งสอง (คัมภีร์อินญีลและอัลกุรอาน)ก็ไม่ยาก คำกล่าวอ้างของมลาอิกะฮฺในการแจ้งการตั้งครรภ์ของนางมัรยัม มลาอิกะฮฺได้พูดว่า “ เขา ( ญิบรีล ) กล่าวว่า “ แท้จริงฉันเป็นเพียงฑูตแห่งพระเจ้าของเธอ เพื่อฉันจะให้ลูกชายผู้บริสุทธิ์แก่เธอ ” (ซูเราะฮฺ มัรยัม อายะฮฺ 19 ) ภาษาอาหรับที่ใช้กับ “ บริสุทธิ์ ” นั้น “ ซักกียา ” ( Zakiyya) จึงหมายความว่า ไม่มีความผิดบาปอย่างเด็ดขาด

หลายอายะฮ์ในคัมภีร์อินญีลก็กล่าวเช่นเดียวกันว่า ท่านอีซา อัล-มะซีห์เป็นผู้บริสุทธิ์ อายะฮ์ต่อไปเป็นลักฐานได้

พระองค์ไม่ได้ทรงกระทำบาปเลยและไม่ได้ตรัสคำเท็จเลย (อินญีล 1 เปโตร 2.22)

เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงกระทำพระองค์ผู้ทรงไม่มีบาปให้บาป เพราะเห็นแก่เรา เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมของพระเจ้าทางพระองค์ (อินญีล 2 โครินธ์ 5.21)

ท่านทั้งหลายรู้แล้วว่า พระองค์ได้ทรงปรากฏ เพื่อกำจัดบาปของเราให้หมดไป และพระองค์ไม่ทรงมีบาปเลย (อินญีล 1ยอห์น 3.5)

  ในขณะนี้เราต้องคิดถึงอีกอายะฮ์หนึ่ง คืออัลกุรอานและคัมภีร์อินญีลยืนยันว่า ในมนุษย์ทั้งหมดท่านอีซาเท่านั้นไม่มีบาป คัมภีร์ทั้งสองเน้นเรื่องนี้ คัมภีร์ทั้งสองไม่เคยเรียกคนอื่นนอกจากท่านอีซาว่า คนบริสุทธิ์ที่ไม่มีบาปเลย คัมภีร์ทั้งสองพูดถึงความผิดบาปของนบีทั้งหลาย แต่สำหรับท่านอีซานั้นได้ยืนยันว่า ผู้บริสุทธิ์ที่ไม่เคยทำผิดบาป (ซูเราะฮฺ มัรยัม 19.19 ในอัลกุรอาน ที่พูดถึงการเกิดของท่านอีซา เป็นอายะฮ์หนึ่งที่ยืนยันว่า ท่านอีซาเป็นผู้บริสุทธิ์ ท่านอีซาบริสุทธิ์ตั้งแต่เกิดเพราะท่านเกิดมาจากหญิงสาวพรหมจารี ท่านได้เกิดมาจากอัลลอฮฺโดยตรง เพราะฉะนั้น ท่านต้องเป็นผู้บริสุทธิ์เหมือนอย่างอัลลอฮฺทรงบริสุทธิ์) อัลกุรอานพูดถึงความผิดบาปของนบีดังต่อไปนี้

  1. อาดัม. “ และพระเจ้าของเขาทั้งสองจึงได้เรียกเขาทั้งสอง ( โดยกล่าวว่า ) ข้ามิได้ห้ามเจ้าทั้งสองเกี่ยวกับต้นไม้นั้นดอกหรือ ? และข้ามิได้กล่าวแก่เจ้าทั้งสองดอกหรือว่า แท้จริงชัยฏอน นั้นคือศัตรูที่ชัดแจ้งแก่เจ้าทั้งสองเขาทั้งสองได้กล่าวว่า โอ้พระเจ้าของพวกเข้าพระองค์ พวกข้าพระองค์ได้อธรรมแก่ตัวของพวกข้าพระองค์เอง แลถ้าพระองค์ไม่ทรงอภัยโทษแก่พวกข้าพระองค์และเอ็นดูเมตตาแก่ข้าพระองค์แล้ว แน่นอนพวกข้าพระองค์ก็ต้องกลายเป็นพวกที่ขาดทุน ” (ซูเราะฮฺ อัล - อะอฺรอฟ 7.22-23)

2. อิบรอฮีม. “ และผู้ที่ฉันหวังว่า จะทรงอภัยแก่ฉันซึ่งความผิดพลาดในวันแห่งการตอบแทน ” (ซูเราะฮฺ อัซซุอะรออฺ 26.82)

3. มูซา. “ เขากล่าวว่า “ ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ แท้จริงข้าพระองค์ได้อธรรมต่อตนเอง ดังนั้นขอพระองค์ทรงอภัยให้แก่ข้าพระองค์ด้วย ” (ซูเราะฮฺ อัลเกาะศ็อศ 28.16)

4. ยูนุส. “ แล้วปลาตัวใหญ่ได้กลืนเขา และเขาสมควรที่จะถูกตำหนิ. ” (ซูเราะฮฺ อัศศ็อฟฟาต 37.142)

5. มูฮัมหมัด. “ ฉะนั้นพึงรู้เถิดว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ และจงขออภัยโทษต่อความผิดเพื่อตัวเจ้าและเพื่อบรรดาผู้ศรัทธาหญิง ” (ซูเราะฮฺ มุฮัมหมัด 47.19)

  แต่ท่านอีซาไม่เคยขออภัยต่ออัลลอฮฺ เพราะท่านไม่เคยทำผิดบาปแม้แต่อายะฮ์เดียว ท่านอีซาไม่เคยขอดุอาฮฺเพื่อการยกโทษความผิดบาปของท่าน ท่านไม่เหมือนกับนบีอื่น ๆ อัลกุรอานและคัมภีร์อินญีลไม่เคยพูดถึงความผิดของท่านอีซา ยิ่งกว่านั้น คัมภีร์ทั้งสองยืนยันชัดเจนว่า ท่านอีซาเป็นผู้บริสุทธิ์ และไม่มีความผิดบาปในชีวิตของท่าน เราจึงเชื่อถือได้ที่อัลกุรอาน ยืนยันว่า มนุษย์ทุกคน นอกจากท่านอีซา ทำผิดบาป ท่านอีซาผู้เดียวไม่เคยเกี่ยวข้องกับความผิดบาป

คัมภีร์อินญีลก็สอนเรื่องเดียวกัน ซึ่งมนุษย์ทุกคนนอกจากท่านอีซาอยู่ในความบาป

  ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียวไม่มีเลย ไม่มีคนที่เข้าใจ ไม่มีคนที่แสวงหาพระเจ้า เขาทุกคนหลงผิดไปหมด เขาทั้งปวงเลวทรามเหมือนกันสิ้น ไม่มีสักคนเดียวที่กระทำดี ไม่มีเลย (อินญีล โรม 3.10-12)

  คัมภีร์อินญีลบอกชัดเจนว่า ไม่มีสักคนหนึ่งที่แสวงหาความชอบธรรมของอัลลอฮฺ ไม่มีเลย มนุษย์ทุกคนหลงผิดจากมาตรฐานของอัลลอฮฺ แต่คัมภีร์ทั้งสองยืนยันว่า ท่านอีซาผู้เดียวที่ไม่เคยทำผิดบาป อัลกุรอานและคัมภีร์อินญีลกล่าวอ้างชัดเจนว่า ท่านอีซาได้เกิดมาโดยฤทธานุภาพของอัลลอฮฺ (โดยไม่มีพ่อ) และท่านไม่มีบาปตั้งแต่ครรภ์และทั้งชีวิต

  •  การขึ้นสวรรค์ของท่านอีซา

ความศรัทธาในท่านอีซาที่สำคัญสำหรับอิสลาม คือความศรัทธาที่ท่านอีซาได้ขึ้นสวรรค์โดยยังมีชีวิตอยู่ คำสอนเรื่องนี้ในอัลกุรอานชัดเจน

  อัลลอฮฺได้ทรงยกเขา ( อีซา ) ขึ้นไปยังพระองค์ต่างหาก (ซูเราะฮฺ อันนิซาอฺ 4.158)

  บางคนลองอธิบายว่า การขึ้นสวรรค์ของท่านอีซา คือไปยังเมืองฟ้าหรือสวรรค์ แต่อายะฮ์ในอัลกุรอานข้างบน พูดชัดเจนว่า “ ขึ้นไปยังพระองค์ ” อัลลอฮฺยกท่านอีซาขึ้นให้อยู่กับพระองค์

คัมภีร์อินญีลยืนยันสอนเรื่องเดียวกันว่า ท่านอีซาขึ้นสวรรค์โดยตรงและทรงอยู่กับอัลลอฮฺผู้สูงสุดในสวรรค์

  เมื่อพระองค์ตรัสเช่นนั้นแล้ว พระเจ้าก็ทรงรับพระองค์ขึ้นไปต่อหน้าต่อตาเขาและมีเมฆคลุมพระองค์ให้พ้นสายตาของเขา เมื่อเรากำลังเขม้นดูฟ้า เวลาที่พระองค์เสด็จขึ้นไปนั้น มีสองคนสวมเสื้อขาวมายืนอยู่ข้าง ๆ เขา สองคนนั้นกล่าวว่า “ ชาวกาลิลีเอ๋ย เหตุไฉนท่านจึงเขม้นดูฟ้าสวรรค์ พระเยซู(ท่านอีซา)องค์นี้ ซึ่งทรงรับไปจากท่านขึ้นไปยังสวรรค์นั้น จะเสด็จมาอีกเหมือนอย่างที่ท่านทั้งหลายได้เห็นพระองค์เสด็จไปยังสวรรค์นั้น (อินญีล กิจการของอัครทูต 1.9-11)

  ก็จงแสวงหาสิ่งซึ่งอยู่เบื้องบนในที่ซึ่งพระคริสต์ทรงสถิตอยู่ คือประทับข้างขวา ของพระเจ้า (คัมภีร์อินญีล โคโลสี 3.1)  

ซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำในพระคริสต์ เมื่อทรงชุบให้พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตายและให้สถิตเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ในสวรรคสถาน สูงยิ่งเหนือบรรดาเทพผู้ครอง เหนือศักดิเทพ เหนืออิทธิเทพ เหนือเทพอาณาจักร (อินญีล เอเฟซัส 1.20-21)

  ข้าพระองค์ได้ถวายเกียรติแด่พระองค์ในโลก เพราะข้าพระองค์ได้กระทำกิจที่พระองค์ทรงให้ข้าพระองค์กระทำนั้นสำเร็จแล้ว บัดนี้พระบิดาเจ้าข้า ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์ได้รับเกียรติต่อพระพักตร์ของพระองค์ คือเกียรติซึ่งข้าพระองค์ได้มีร่วมกับพระองค์ก่อนที่โลกนี้มีมา (อินญีล ยอห์น 17.4-5)

 

อัลกุรอานและคัมภีร์อินญีลทั้งสองยืนยันว่า ท่านอีซาขึ้นไปยังสวรรค์โดยตรง แต่ไม่ใช่แค่ขึ้นไปสวรรค์เท่านั้น คัมภีร์ทั้งสองนั้น บอกชัดเจนว่า ท่านอีซาได้ขึ้นสวรรค์แล้ว อยู่กับอัลลอฮฺอย่างใกล้ชิดด้วย (นอกจากอัลกุรอานและคัมภีร์อินญีล หลายข้อในอัลฮะดิษก็กล่าวอ้างเหมือนกันว่า ท่านอีซาขึ้นไปสวรรค์และอยู่กับอัลลอฮฺ)

เราทุกคนคงทราบว่า นัศรอนีย์กับมุสลิมไม่เห็นด้วยว่า ท่านอีซาขึ้นไปสวรรค์อย่างไร (นัศรอนีย์เชื่อว่า ท่านอีซาตายบนไม้กางเขนและฟื้นขึ้นชีพใหม่ หลังจากนั้นท่านอีซาขึ้นไปสวรรค์โดยตรง แต่มุสลิมเชื่อว่า ท่านอีซาไม่เคยประสบความตายและขึ้นไปสวรรค์โดยตรง) และจุดประสงค์ที่ขึ้นไปสวรรค์โดยตรง แต่สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายเห็นด้วย คือ ท่านอีซาขึ้นไปสวรรค์โดยตรงและทรงอยู่กับอัลลอฮฺอย่างใกล้ชิด และยังเป็นที่นั้น

  •  การกลับมาครั้งที่สองของท่านอีซา

ประการสุดท้ายที่อัลกุรอานและคัมภีร์อินญีลเห็นด้วยกันสำหรับท่านอีซานั้น คือการกลับมาครั้งที่สองของท่านอีซา อัลกุรอานและอัล-ฮะดิษกล่าวถึงเรื่องนี้หลายครั้ง ที่นี่เราจะคิดถึงอายะฮฺหนึ่งในอัลกุรอานที่สองเรื่องนี้อย่างชัดเจน

  และแท้จริงเขา(อีซา) แน่นอนเป็นเครื่องหมายแห่งยามอวสาน (ซูเราะฮฺ อัซซุครุฟ อายะฮฺ 61)

  อายะฮ์นี้กล่าวถึงสั้น ๆ แต่บอกชัดเจนว่า ท่านอีซาเป็นเครื่องหมายในวันสิ้นโลก อัล-ฮะดิษกล่าวถึงการกลับมาของท่านอีซาหลายครั้ง อายะฮฺต่อไปนี้ คือคำยืนยันของนบีมูฮำหมัดสำหรับการกลับมาครั้งที่สองของท่านอีซา มูฮำหมัดกล่าวความมั่นใจว่า ท่านอีซาอัลมะซีฮ์ บุตรของมัรยัมจะกลับมาอีกครั้งในฐานะที่เป็นผู้พิพากษาที่ชอบธรรมท่านมูฮำหมัดกล่าวว่า

  ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ โดยแท้จริงแล้ว บุตรของมัรยัมเป็นผู้สืบทอดในฐานะที่เป็นผู้พิพากษาที่ชอบธรรม (ฮะดิษมุสลิม เล่ม 1 หน้า 76)

  มุสลิมกับนัศรอนีย์อาจไม่เห็นด้วยสำหรับบทบาทของท่านอีซาในวันสุดท้าย แต่คัมภีร์ทั้งสอง (อัลกุรอานและคัมภีร์อินญีล)ยืนยันว่า ท่านอีซาจะมาในวันสิ้นโลกและจะตัดสินมนุษย์เราทั้งหลาย คำยืนยันสำหรับเรื่องนี้ในคัมภีร์อินญีลนั้นมีมากมาย ที่นี่เราจะคิดถึงบางอายะฮ์เท่านั้น

  แล้วหมายสำคัญแห่งบุตรมนุษย์จะปรากฏขึ้นในท้องฟ้า ประชาชาติทั้งปวงในโลกจะพิลาปร่ำไห้เมื่อเขาจะเห็นบุตรมนุษย์มาบนเมฆด้วยฤทธานุภาพอย่างสง่างาม (อินญีล มัทธิว 24.30)

  ด้วยว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาจากสวรรค์ด้วยพระดำรัสสั่งด้วยสำเนียงเรียกของเทพบดีและด้วยเสียงแตรของพระเจ้า (อินญีล 1 เธสะโลนิกา 4.16)

  ดูเถิด พระองค์จะเสด็จมาพร้อมกับหมู่เมฆและนัยน์ตาทุกดวงและคนเหล่านั้นที่ได้แทงพระองค์จะเห็นพระองค์และมนุษย์ทุกชาติทั่วโลกจะร่ำไห้เพราะพระองค์ (อินญีล วิวรณ์ 1.7)

 เราจะสรุปได้ว่า การกลับมาของท่านอีซานั้น เป็นหมายสำคัญของวันกิยามะฮฺ คัมภีร์อินญีลและอัลกุรอาน ทั้งสองกล่าวอ้างในเรื่องนี้

จากที่ได้กล่าวมาแล้ว มีอีกอายะฮ์หนึ่งที่น่าคิด คือคำเรียกของท่านอีซาในอัลกุรอานและคัมภีร์อินญีล คัมภีร์ทั้งสองเรียกท่านอีซาว่า “ กะลิมะฮ” (หมายความว่า “ ถ้อยคำ ” )ของอัลลอฮฺ และอัลกุรอานเห็นด้วยกับคัมภีร์อินญีลในการเรียกท่านอีซาว่าอัล-มะซีฮฺ (ซูเราะฮฺ อาละอิมรอน อายะฮฺ 45) และมีอีกชื่อหนึ่งของท่านอีซาที่คัมภีร์ทั้งสองเห็นด้วย คือ “วิญญาณที่บริสุทธิ์จากอัลลอฮฺ ” ชื่อของท่านอีซาเหล่านี้เป็นหลักฐานว่า ท่านอีซาเป็นผู้หนึ่งเหนือกว่ามนุษย์ทั้งปวงและมีคุณลักษณะพิเศษมากไม่เหมือนใคร

คุณลักษณะพิเศษของท่านอีซาที่เราศึกษามานั้นให้เราเข้าใจว่า ท่านอีซาเป็นผู้วิเศษมาก ผู้ที่มาจากพระเจ้าโดยตรงและผู้ที่ขึ้นไปสวรรค์โดยตรงด้วย ทำไมอัลลอฮฺทรงให้คุณลักษณะพิเศษกับท่านอีซา? จุดประสงค์ของอัลลอฮฺที่กระทำอย่างนั้นคืออะไร?

  ความหมายของคุณลักษณะพิเศษของท่านอีซา

  ทำไมท่านอีซาไม่เหมือนกับนบีท่านอื่น ๆ? เมื่อเราคิดถึงคุณลักษณะพิเศษของท่านอีซาแล้ว เราต้องยอมรับว่า ท่านอีซาเหนือกว่านบีทั้งหลาย นบีท่านอื่น ๆ ก็เป็นคนธรรมดา เขาเกิดเป็นธรรมชาติ ตายเป็นธรรมชาติ ทำผิดเหมือนคนทั่วไป เขาเป็นคนพิเศษเพราะหน้าที่ของเขา ซึ่งเปิดเผยถ้อยคำของอัลลอฮฺ นอกนั้นเขาไม่ต่างกันกับคนอื่น แต่ท่านอีซาไม่เหมือนกับนบีท่านอื่น ๆ ในหลายด้าน จึงเกิดมาโดยไม่มีพ่อ มีชีวิตที่ไม่เคยทำผิดเลย ขึ้นสู่สวรรค์โดยตรง และจะกลับมาในวันสิ้นโลก ถ้าเราคิดถึงสิ่งเหล่านี้ เราต้องยอมรับว่า ท่านอีซาต้องเป็นผู้หนึ่งที่เหนือกว่านบีทั้งหลาย ถ้าคนใดรู้คุณลักษณะพิเศษเหล่านี้ของท่านอีซา เขาคงมีคำถามในใจว่า ทำไมพระเจ้าทรงอนุญาตสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับท่านอีซา แล้วเขาคงเข้าใจได้ว่า ทำไมนัศรอนีย์ศรัทธาในท่านอีซา ซึ่งเป็นผู้ที่เหนือกว่ามนุษย์ทั้งปวง

  คนใดอ้างว่า ท่านอีซาเป็นนบีธรรมดา แค่มอบคัมภีร์แก่มนุษย์เท่านั้น นั่นเป็นไปไม่ได้ อัล - กุรอ่านกล่าวว่า ท่านอีซาเป็นนบีองค์หนึ่งที่เหมือนนบีท่านอื่นๆ แต่เมื่อเรารู้คุณลักษณะที่เป็นพิเศษของท่านอีซานั้น เราคงจะเห็นด้วยว่า ท่านอีซาคงเป็นมากกว่า ถ้าพระเจ้าแต่งตั้งท่านอีซาให้เป็นนบีองค์หนึ่งเท่านั้น ทำไมพระเจ้าทำลายกฎเกณฑ์ธรรมชาติเพื่อให้ท่านอีซาเกิดมาโดยไม่มีพ่อ? ทำไมวิญญาณของพระเจ้าได้ลงมาบนนางมัรยัมและให้ตั้งครรภ์โดยความอัศจรรย์? ทำไมพระเจ้าทรงรักษาท่านอีซาให้บริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์ ขณะพระองค์อนุญาตให้นบีท่านอื่นๆ ทำผิด? ขณะนบีอื่น ๆ ให้ตายและให้กลับไปเป็นผงคลีดิน ทำไมพระเจ้าทรงยกท่านอีซาขึ้นสู่สวรรค์โดยยังมีชีวิตอยู่และให้ท่านอีซาอยู่กับพระองค์ในสวรรค์? ทำไมคัมภีร์ยืนยันว่า หลังขึ้นสู่สวรรค์แล้วท่านอีซาอยู่ใกล้ชิดกับพระเจ้า? ทำไมพระเจ้าทรงสัญญาในคัมภีร์หลายเล่มว่า จะส่งท่านอีซาให้มาในโลกอีกครั้งหนึ่งในวันสิ้นโลก ในฐานะที่เป็นผู้พิพากษา?

อายะฮ์เหล่านี้เป็นหลักฐานชัดเจนที่ว่า ท่านอีซาต้องเป็นผู้หนึ่งที่เหนือกว่านบีทั้งหลาย มนุษย์ทุกคน(นอกจากท่านอีซา)ได้เกิดมาตามธรรมชาติ และตายตามธรรมชาติ แต่พระเจ้าไม่ให้ท่านอีซาเกิดมาและตายตามธรรมชาติ คัมภีร์อินญีลยืนยันว่า นางมัรยัมตั้งครรภ์ท่านอีซาโดยการบันดาลจากวิญญาณที่บริสุทธิ์ของอัลลอฮฺ วิญญาณที่บริสุทธิ์ของอัลลอฮฺ ทรงลงมาบันดาลนางมัรยัมที่จะตั้งครรภ์ ท่านอีซาเพราะเหตุผลอะไร? พระเจ้าได้ทรงยกท่านอีซาขึ้นและให้อยู่กับพระเจ้าในสวรรค์ พระเจ้าจะส่งท่านอีซาให้กลับมาเพื่อจะคุ้มครองโลก ท่านอีซาจะเป็นเครื่องหมายของวันกิยามะฮฺ มนุษย์ทุกคนถูกสร้างจากผงคลีดินและกลับไปเป็นผงคลีดิน แต่ท่านอีซาเท่านั้นมาจากอัลลอฮฺโดยตรงและกลับไปอยู่กับอัลลอฮฺโดยตรง (อินญีล ยอห์น 16.28)

  ทำไม ?

 

... อ่านข้อความนี้ที่เป็นภาษาอังกฤษ

 
Answering Islam Thailand, 1999 - 2006. All rights reserved.